Hdrive b spec profender monotube 20 profender

hdrive b spec profender monotube 2.0 ดีไหม profender ราคา ผมได้เคยกล่าวไว้ในบทความเรื่อง (ขณะที่ 1) โดยมีใจความโดยสรุปว่า...จุดหมายของการเซ็ทอัพตอนล่าง ก็คือเพื่อ หน้ายาง (Tire Surface) สัมผัสกับพื้นแบบ 100% ในทุกสภาพการณ์การขับขี่ เมื่อยางสามารถสัมผัสกับผิวแทร็คได้อย่างเต็มที่แล้ว ก็จะเป็นสาเหตุของการเกิด แรงยึดเกาะสูงสุด (Maximum Grip) ซึ่งมีผลดีทั้งในแง่ของสมรรถนะและความปลอดภัย ดังนั้น เราสามารถสรุปได้ว่า ตอนล่างที่ดี เป็นตอนล่างที่สามารถดึงเอาสมรรถนะของยางมาใช้ได้อย่างสูงสุด โดยการทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นสูงที่สุด นั่นเองนะครับบทความชี้แนะ - ฐานรากการเซ็ทอัพตอนล่าง (ในตอนที่ 1) – เกี่ยวกับเรื่อง ‘มุมล้อ’ด้วยเหตุนี้แล้ว ถึงแม้จะทายางซอฟท์สุดหนึบ-ยางสลิคสุดเทพ แม้กระนั้นถ้าว่า hdrive b spec profender monotube 2.0 ดีไหม profender ราคา เราเซ็ทอัพตอนล่างอย่างผิดจะต้อง หรือเปล่าเหมาะสมต่อการขับขี่ในสภาวะนั้นๆจะมีผลให้ช่วงล่าง ไม่สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มเปี่ยม เป็นผลให้ไม่อาจจะ ‘ดึงเอา’ ความสามารถของยางมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง เมื่อเป็นแบบนี้ แม้กระทั่งใช้ยางเทวดามากแค่ไหน...ก็ไร้ประโยชน์ช่วงล่างแบบ Push Rod ของ Lamborghini Aventadorบทความชี้แนะ – PUSH ROD SUSPENSION : เจาะลึกลักษณะการทำงาน และพินิจพิจารณาข้อดีย้อมกลับมาที่คำถามของเรากันต่อครับ...สปริงแข็ง VS สปริงอ่อน ...แบบไหนสร้างแรงยึดเกาะได้ดียิ่งไปกว่ากัน?ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า ท่านผู้อ่าน hdrive b spec profender monotube 2.0 ดีไหม profender ราคา มากยิ่งกว่า 80% จะตอบทันทีเลยว่า... ‘สปริงแข็งที่มีค่า k สูงๆ’ สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย! เพราะเหตุไรน่ะเหรอ...ก็เนื่องจาก รถยนต์ซุปเปอร์คาร์ รวมไปรถแข่งความสามารถสูง (รถแข่งชนิดเซอร์กิต) ต่างเลือกใช้สปริงที่แข็งมากๆจนแทบจะไม่มีระยะยุบตัวเลยช่วงล่างข้างหลังของ Mercedez Benz AMG Project 1 ใช้สปริงม้วนทั้งปวง 3 ต้นเหตุผลข้างต้นนั้น ฟังดูแล้วมีเหตุ-ส่งผลดีครับผม แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ ...ความเชื่อถือที่ว่าสปริงแข็ง จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะนั้น... เป็นความเชื่อที่ ‘ไม่ถูก’ ครับผมความจริงก็คือว่า ‘สปริงอ่อน ที่มีค่า k น้อย’ สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้มากกว่า ‘สปริงแข็ง’ ...เอาล่ะต่อนี้ไป! เพราะเหตุไรมันถึงเป็นแบบงี้ไปได้? แล้วเพราะเหตุใดพวกรถแข่งถึงใส่สปริงแบบ ‘แข็งปั๊ก’ ขนาดนั้นล่ะ? ใส่สปริงอ่อน รถมัน ‘ย้วย’ กระทั่งคุมไม่ได้น่ะสิ?ใจเย็นๆครับ...ทุกปริศนา มีคำตอบข้อแรกเราจะต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่า ‘แรงยึดเกาะ’ กันอีกรอบแรงยึดเกาะก็คือแรงต้านที่เกิดจากยาง เพื่อบังคับให้รถยนต์เคลื่อนไปในทิศทางที่เราอยากได้ ซึ่งเราจะเรียกแรงยึดเกาะชนิดนี้ว่า ‘Mechanical Grip’ (แมคคานิคอล กริป) ซึ่งเป็นแรงยึดเกาะที่เกิดขึ้นจากการเซ็ทอัพตอนล่างแบบเพียวๆ(มุมล้อ + สปริง + ช๊อคอัพ + กันโคลงเคลง)ความรู้ hdrive b spec profender monotube 2.0 ดีไหม profender ราคา เพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับแรงยึดเกาะแรงยึดเกาะหรือที่เรียกว่า ‘กริป’ (Grip) นั้น จะประกอบไปด้วย 2 อย่าง เป็นต้นว่า แมคคานิคคอลกริปรวมทั้งแอโรไดนามิคส์กริป (Mechanical Grip and Aerodynamics Grip)กริป = แมคคานิคอลกริป + แอโรกริป
แมคคานิคคอลกริปหมายถึงกริปที่มีสาเหตุจากการเซ็ทอัพช่วงล่าง บวกกับแทร็คชั่นของยาง ส่วนแอโรไดนามิคส์กริป หรือเรียกสั้นๆว่า แอโรกริป คือ กริปที่ถูกสร้างขึ้นมาจาก ดาวน์ฟอร์ซ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากแอโรพาร์ทอีกครั้งหนึ่งด้วยเหตุดังกล่าว เราสามารถเพิ่มแมคคานิคอลกริปได้โดย การเปลี่ยนยางไปใช้ยางซอฟ หรือยางสลิค รวมทั้งเราสามารถเพิ่มแอโรกริปได้โดย การใส่แอโรพาร์ท ตัวอย่างเช่น คานาร์ด ดิฟฟิวเซอร์ หรือวิงหลัง นั่นเองขอรับ
แต่ เนื่องจากว่าในเนื้อหานี้ พวกเรากำลังพูดถึง ‘สปริง’ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของระบบตอนล่าง ด้วยเหตุนี้ ในบทความนี้ พวกเราจะจุดโฟกัสไปที่ ‘แมคคานิคคอลกริป’ เพียงแค่นั้นนะครับอ่านรายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับ ‘แรงยึดเกาะ’ พอดีบทความเรื่อง - รถขับหน้า + วิงข้างหลัง = เร็วขึ้นหรือช้าลงแล้วก็แรงยึดเกาะที่ว่านี้ (แมคคานิคคอลกริป) จะเกิดขึ้นเมื่อ...ยาง ‘สัมผัส’ กับพื้นถนนแค่นั้น โดยทั่วไป เมื่อพวกเรา hdrive b spec profender monotube 2.0 ดีไหม profender ราคา ขับรถผ่านข้อต่อถนนหนทาง รวมถึงผิวทางที่ไม่เรียบ รถยนต์ที่มีสปริงแข็ง จะก่อให้ล้อรวมทั้งยางมีการสั่นที่มีความถี่สูง (เต้นขึ้น-ลง ไม่หยุด) รวมทั้งการกระเพื่อมของล้อรวมทั้งยางสาเหตุจากแรงกดของสปริงแข็งนี่เอง ที่ทำให้ยางไม่สามารถ ‘สัมผัส’ กับถนนหนทางอย่างไม่สุดกำลัง เป็นผลให้แรงยึดเกาะมีค่าน้อยลง นอกจากนี้แล้ว สปริงที่มีค่า k มากมายๆจะมีระยะยุบตัว-ให้ตัว ที่น้อยมากๆในบางครั้งที่พวกเราขับผ่านถนนหนทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อที่ความเร็วสูง สปริงจะไม่สามารถที่จะ ‘ผลัก’ ยางให้สัมผัสกับผิวถนนได้อย่างทันการ หรือพูดง่ายๆก็คือ ในจังหวะนั้น ยางจะ ‘ลอย’ ผ่านถนนที่ไม่เรียบไปทันที ได้ผลสำเร็จให้ยางไม่สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้นั่นเองนะครับแผนภูมิแสดงการเคลื่อนที่ของล้อและก็ยางสีเขียว = สปริงอ่อน / สีแดง = สปริงแข็งจะเห็นได้ออกจะแจ่มกระจ่างว่า สปริงอ่อน จะมีความถี่สำหรับในการสั่นที่น้อยกว่า ทำให้ยางมี ‘ระยะเวลา’ ที่สัมผัสพื้นมากกว่า ได้ผลสำเร็จให้สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้มากกว่านั่นเองนะครับตรงกันข้าม สำหรับรถยนต์ที่มี ‘สปริงอ่อน’ ซึ่งมีค่า k ที่น้อยกว่า จะทำให้มีความถี่ในสั่นที่ ‘น้อยกว่า’ ทั้งยังยังมีระยะการให้ตัว-และก็-ยุบ ที่ ‘มากกว่า’ ทำให้ยางสามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนหนทางที่ไม่เรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้ว เราสามารถสรุปได้ว่า ‘สปริงอ่อน’ ที่มีค่า k น้อยกว่านั้น สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้มากว่า ‘สปริงแข็ง’ ที่มีค่า k มากกว่า...ปัญหาต่อมาก็นับว่า...ในเมื่อ ‘สปริงอ่อน’ สามารถสร้างกริปได้มากกว่า...แล้วเพราะเหตุใด รถยนต์ซุปเปอร์คาร์ รวมถึงรถแข่งชนิดเซอร์กิต ก็เลยเซ็ทอัพให้สปริงมีค่า k ที่สูงมากๆมากมายเสียจน hdrive b spec profender monotube 2.0 ดีไหม profender ราคา เกือบจะไม่มีระยะยุบเลยอย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า สปริงที่มีค่า k สูงๆเมื่อขับบนถนนที่ไม่เรียบแล้ว จะมีผลให้ล้อแล้วก็ยางสั่น จนกระทั่งไม่สามารถที่จะสัมผัสพื้นถนนได้อย่างสมบูรณ์ แต่ว่าเนื่องจาก รถแข่งชนิดเซอร์กิต ถูกออกแบบให้วิ่งใน ‘พื้นแทร็ค’ ซึ่งมีความราบเรียบกว่าถนนหนทางปกติ ฉะนั้นแล้ว ปัญหาเรื่องของการเด้ง-เด้งของล้อและยางอันเนื่องมาจากถนนที่ไม่เรียบ ก็เลยไม่นับว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรก็ตามต่อรถแข่งที่วิ่งบนแทร็ค ฉะนั้น การเซ็ทอัพรถบ้านและก็รถแข่ง...ก็เลยมีความต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วยเหตุว่าสนามสำหรับแข่งนั้น มีผิวแทร็คที่เรียบกว่าถนนทั่วๆไปมากมาย นอกนั้นแล้ว รถแข่งประเภทนี้ อยากได้แค่เพียงคำว่า ‘สมรรถนะ’ แต่เพียงแค่นั้น hdrive b spec profender monotube 2.0 ดีไหม [1] profender ราคา ไม่ต้องการความสบายสบายอะไร เพราะฉะนั้นแล้ว ‘สปริงแข็ง’ ก็เลยกลายมาเป็นตัวเลือกอย่างแน่นอน